เผยปมฆ่า 'พ่อ-น้องสาว' หลอกลงหีบเหล็กถ่วงน้ำดับ แค้นพ่อไม่รัก กลัวจะไม่ยกมรดกให้

ตำรวจสกลนคร แถลงปิดคดีลูกชายหลอกพ่อ และน้องสาว ลงหีบเหล็ก นำถ่วงน้ำดับ ขณะที่ผู้ต้องหาปฏิเสธทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

จากกรณีเหตุสะเทือนขวัญ ลูกชายวัย 35 ปี ก่อเหตุจับพ่อและน้องสาวยัดหีบเหล็กแล้วถ่วงน้ำจนเสียชีวิต 2 ศพ คือ นายประหยัด อายุ 66 ปี และนางสาวเพียงเพ็ญ อายุ 33 ปี เป็นชาวอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร แต่เหตุมาเกิดที่บริเวณหนองหลุมหิน ท้ายหมู่บ้านสร้างขุ่ย ตำบลพังโคน อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ช่วง 5 ทุ่ม ของวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ส่วนมูลเหตุยังไม่แน่ชัด ทราบเพียงว่าผู้ก่อเหตุได้ทะเลาะกับผู้เป็นพ่อ คิดว่าพ่อไม่รัก และกลัวว่าจะไม่ยกมรดกให้

โดย นายพงษ์พัฒน์ อินธิจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านสร้างขุ่ย พาผู้สื่อข่าวไปที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำขนาดใหญ่มีแท่นที่วางอยู่บนน้ำ กล่าวว่า หนองน้ำเป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปา ช่วงบ่าย 2 ของวันเกิดเหตุ ตนมาตรวจรับอุปกรณ์ระบบประปา มาพบมีกล่องหีบตั้งอยู่ด้านบน 2 หีบ จึงถ่ายภาพไว้ คิดว่าเป็นชิ้นส่วนประปาที่ขอกับชลประทานไว้ จึงติดต่อที่ชลประทานอุดรธานี ปรากฏว่าไม่ใช่

จนกระทั่งตอน 5 ทุ่ม มีชาวบ้านสังเกตเห็นรถวิ่งเข้าและมีเสียงคล้ายคนทะเลาะกัน คล้ายมีเหตุร้าย จึงแจ้งตนเข้ามาตรวจสอบพร้อมตำรวจสายตรวจ เมื่อไปถึงพบชายผู้ก่อเหตุยืนอยู่ เมื่อสอบถามก็บอกว่าไม่มีอะไร คนที่มาด้วยคือพ่อและน้องสาวเดินกลับรีสอร์ทไปแล้ว

ตนจึงสอบถามว่าแล้วหีบเหล็กอยู่ไหน พร้อมเอาภาพให้ดู ชายดังกล่าวได้บอกว่าไม่เห็น แต่ตนไม่เชื่อจึงเอาไฟฉายส่องดูในน้ำ และพบกล่องจมน้ำอยู่ เมื่อนำขึ้นมาพบว่ามีคนตายอยู่ จึงมั่นใจว่าเป็นคนร้ายแน่นอน ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ จากนั้นก็ให้กู้ภัยลงงมอีกกล่อง และพบว่าภายในกล่องมีอีกศพ

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2566 ผู้ต้องหานั้นได้ไปสั่งทำกล่องเหล็กที่ร้านทำเหล็กแห่งหนึ่งใน อ.สว่างแดนดิน จำนวน 2 กล่อง ขนาด 180 เซนติเมตร และขนาด 190 เซนติเมตร ในราคา 12,000 บาท พร้อมกับทำแท่นวางอีก 8,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปทำกล่องเอนกประสงค์เพื่อตกปลา ซึ่งทางร้านเองไม่ได้เอะใจสงสัย ตอนแรกไม่ได้มีการกำหนดเวลาในการทำ แต่หลังจากนั้นนายวรุตย์ ได้ขอให้ทำเสร็จก่อนวันที่ 6 มกราคม 2567

เมื่อทางร้านทำแล้วเสร็จ จากนั้นให้นำไปไว้ที่ บริเวณอาคารเอนกประสงค์ของชุมชนสนามชัย อำเภอสว่างแดนดิน เพราะผู้ต้องหาอ้างว่าจะนำไปทำคอนเทนต์ยูทูป จนกระทั่งนำรถหกล้อมาขนออกไปเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีภาพกล้องวงจรปิดเห็นรถหกล้อนำส่ง ส่วนนายวรุตย์ ผู้ต้องหาขับรถเก๋งนำหน้า

ด้านญาติของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุนายวรุตย์ ได้บอกกับทางญาติว่าทั้ง 3 คน จะเดินทางไปเที่ยวที่เขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก แล้วก็พากันออกไปตั้งแต่เที่ยง ก่อนจะมาทราบเหตุการณ์สลดขึ้น

ล่าสุดวันนี้ พันตำรวจเอกโชคชัย อินทนิล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาประสงค์ไม่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา ส่วนรายละเอียดของคดี เริ่มจากเมื่อวันที่ 9 เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ตำรวจ สภ.พังโคน ได้รับแจ้งมีชายต้องสงสัย อาจก่อเหตุฆาตกรรม เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายวรุตย์ อยู่ในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบยังพบชุดเสื้อผ้าผู้ชาย 1 ชุด รองเท้าผู้หญิง 1 คู่ ชาวบ้านที่ตามมาในที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า ชายต้องสงสัยมีลักษณะท่าทางมีพิรุธ ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย

เจ้าหน้าที่สอบถามนายวรุตย์ ได้รับสารภาพว่า ได้ลงมือก่อเหตุฆาตกรรมพ่อและน้องสาวจริง วิธีการก็คือ หลอกให้พ่อกับน้องสาว เข้าไปในหีบเหล็ก แล้วผลักหีบลงน้ำ จนขาดอากาศหายใจ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนปมเหตุจูงใจ นายวรุตย์ อ้างว่าเมื่อช่วงปลายปี 66 มีปากเสียงทะเลาะกับพ่อหลายครั้ง นายประหยัด มักพูดเสมอว่า จะตัดพ่อตัดลูก จะไม่ให้มรดก ทุกครั้งที่ทะเลาะกันจะพูดแบบนี้ตลอด จึงทำให้นายวรุตย์มีความเครียด เก็บสะสมมาเรื่อยๆ จนวางแผนก่อเหตุ ส่วนน้องสาว เป็นเด็กพิเศษ สมองช้า เวลาพ่อพูดอะไร น้องสาวก็จะเห็นดีเห็นงามตามพ่อ ผู้ต้องหาจึงก่อเหตุฆาตกรรมด้วย

ส่วนวิธีการที่ใช้หลอกล่อพ่อกับน้องเข้าไปในหีบเหล็กนั้น ผู้ต้องหาระบุว่า ได้หลอกพ่อให้มาดูทำเลที่เขาอ้างว่าจะทำบ่อตกปลา พ่อหลงเชื่อจึงขึ้นรถมาด้วยพร้อมกับลูกสาว เมื่อมาถึงผู้ต้องหาหลอกให้พ่อกับน้อง ลองเข้าไปนอนในหีบ อ้างว่าฟิวเจอร์บอร์ดที่บุรองไว้ด้านในจะพองตัวเป็นที่นอนได้ ทั้งคู่จึงหลงเชื่อ

จากนั้นผู้ต้องหาได้ใช้โซ่มัดรอบหีบเหล็กทั้งสอง แล้วล็อกกุญแจ จากนั้นก็ผลักหีบลงน้ำ ด้วยความที่หีบมีล้อ จึงไม่ต้องออกแรงอะไรมาก ผู้ต้องหาอ้างด้วยว่า หลังหีบลงน้ำไปได้ 5 นาที ตัวเขาสำนึกผิดขึ้นมาได้ จะช่วยพ่อกับน้องขึ้นมา แต่ก็ไม่สามารถช่วยขึ้นมาได้แล้ว

เบื้องต้น ผู้ต้องหาไม่ได้มีอาการจิตเวช มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/w9NFw3HrU9I