เปิดปฏิบัติการค้น 15 จุด เจอรถที่ ‘กำนันนก-หน่อง’ ใช้หลบหนีแล้ว จอดซุกอยู่ที่บริษัท

ตำรวจเปิดปฎิบัติการเข้าค้น 15 จุด เชื่อมโยง ‘กำนันนก’ พบพิรุธส่อสมคบประมูลราคา ขณะที่บริษัทของกำนันนก พบรถที่ใช้หลบหนีจอดซุกอยู่

ช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.ย. 2566) หน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธรภาค 7 ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม และตำรวจกองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เปิดปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมายบริษัทและกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เชื่อมโยงกับคดีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก หลังกำนันนกถูกจับในข้อหาใช้ให้นายหน่อง ลูกน้องคนสนิทยิงพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว สารวัตรทางหลวง 1 เสียชีวิต และกำนันนกยังถูกตรวจสอบเรื่องของฮั้วประมูลจำนวน 18 โครงการ

เป้าหมายในการตรวจค้นครั้งนี้มีทั้งหมด 15 จุดซึ่งอยู่ในจังหวัดนครปฐม แบ่งเป็นอำเภอกำแพงแสน 1 จุด อำเภอสามพราน 1 จุด และอำเภอเมือง 13 จุด โดยหนึ่งในเป้าหมายเป็นบ้านของนายศักรินทร์ ท้วมสุข หรือ นายเต้ง หรือ กำนันเต้ง ที่ชาวบ้านเรียกกัน ซึ่งอยู่ที่ซอยวัดทุ่งรี ตำบลทัพหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นคนสนิทของกำนันนก จุดนี้เป็นร้านให้เช่าวัตถุมงคลของนายเต้ง ปรากฏว่าไม่พบตัวนายเต้ง โดยที่ป้าของนายเต้งบอกว่านายเต้ง ไปขายอาหารที่ประเทศกัมพูชาหลายปีแล้ว คุยกับหลานครั้งล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ยืนยันว่าทั้งเธอและหลานไม่รู้จักกับกำนันนกหรือเคยทำธุรกิจร่วมกัน ก่อนที่หลานจะไปขายอาหารที่กัมพูชาก็รับจ้างทั่วไป และหลานก็ไม่ได้เป็นกำนัน แต่ชาวบ้านที่นี่จะเรียกว่าเป็นกำนันจนติดปาก

จุดต่อมาตำรวจได้เข้าค้นบ้านของนายเต้ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านเช่าวัตถุมงคลของนายเต้ง โดยจุดนี้ก็ไม่พบตัวกำนันเต้งเช่นกัน โดยบ้านหลังนี้เป็นทรงโมเดิร์น มีรั้วรอบขอบชิด และยังแบ่งพื้นที่เปิดเป็นร้านรับส่งพัสดุเอกชน ภายในบ้านพบรถบีเอ็มดับบลิวสีขาวป้ายแดง และมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน

ต่อมาลูกน้องของกำนันเต้งได้พาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งการตรวจค้นพบปืนสั้น 3 กระบอก ตรวจสอบแล้วพบว่ามีทะเบียนและใบอนุญาตถูกต้อง โดยลูกพี่ลูกน้องของนายเต้ง กล่าวว่า กำนันเต้งไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว เพราะมีเมียหลายคนเลยซื้อบ้านไว้หลายหลัง และนายเต้งก็ไม่รู้จักกับกำนันนกและไม่ได้ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แต่ทำธุรกิจรถสไลด์ และให้เช่าวัตถุมงคลคือไอ้ไข่

ต่อมานักข่าวได้โทรศัพท์หานายเต้ง ซึ่งกล่าวว่า ไม่รู้จักกำนันนกและไม่เคยฮั้วประมูลอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เปิดร้านขายอาหารอยู่ที่กัมพูชา ยอมรับว่าเคยก่อคดีฆ่าคนตายเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และตอนนี้พ้นโทษมา 5 ปีแล้ว

นอกจากนี้ตำรวจยังได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักของ จ่าสิบตำรวจพิสิฐ ชิวปรีชา สังกัดตำรวจทางหลวง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสารวัตรศิวกร อยู่ที่ตำบลตลาดจินดา อำเภอสามพราน โดยจ่าสิบตำรวจพิสิฐ คือคนที่กำนันนก เข้าไปขอให้สารวัตรศิวกรช่วยย้ายจากสายตรวจวิทยุรถยนต์ มาเป็นสายตรวจรถจักรยานยนต์แต่สารวัตรศิวกรไม่ให้ จากการตรวจค้นไม่พบตัวจ่าสิบตำรวจพิสิฐ แต่เจ้าหน้าที่พบปืนทั้งหมด 9 กระบอก เป็นปืนยาว 3 กระบอก และปืนสั้น 6 กระบอก

ขณะที่นายอานนท์ บุญส่ง อาของจ่าสิบตำรวจพิสิฐบอกว่าทางบ้านไม่รู้จักกำนันนก และคนแถวนี้ก็ไม่มีใครได้ยินชื่อกำนันนกมาก่อน ส่วนเหตุผลที่หลานไปงานเลี้ยงกำนันนกเชื่อว่าตามผู้บังคับบัญชาไปเท่านั้นและไม่ได้เรียกร้องขอสับเปลี่ยนหน้าที่แต่อย่างใด

จุดต่อมาตำรวจได้เข้าค้นที่บริษัท สิงห์ชัยเคพีเอสจำกัด อยู่ที่อำเภอกำแพงแสน ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งบริษัทนี้จากข้อมูลพบว่ามีนายแบงค์ ซึ่งเป็นคนสนิทของกำนันนกเป็นเจ้าของบริษัท โดยได้เก็บหลักฐานและเอกสารต่างๆ ของบริษัทไปตรวจสอบ ซึ่งบริษัทนี้จดทะเบียนบริษัทตั้งแต่ปี 2539 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และยังพบว่าบริษัทดังกล่าว ได้ยื่นประมูลเป็นบริษัทคู่เทียบในการประกวดราคาโครงการก่อสร้างต่างๆ ในจังหวัดนครปฐม แข่งกับบริษัทของกำนันนก

ขณะที่นายแบงค์ กล่าวว่า ยินดีที่จะให้ตำรวจตรวจค้นเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ส่วนกำนันนกเคยประมูลงานแข่งกัน แต่บริษัทของเขาแพ้ หลังจากนั้นนายแบงค์ก็ได้ขึ้นรถตู้อัลพาร์ดไปให้ปากคำที่ตำรวจภูธรภาค 7

จุดต่อมาคือจุดสำคัญ คือที่บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ซึ่งบริษัทนี้มีชื่อของกำนันนกเป็นกรรมการบริษัท ระหว่างที่ตำรวจเข้าตรวจค้นด้านในบริษัท ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า น้องชายของกำนันนก ค่อยๆ เดินออกมาจากโรงงาน แล้วมีรถตู้ออกมารอรับ โดยเจ้าตัวสวมหน้ากากอนามัย มีสีหน้าเรียบเฉย และยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น ก่อนขึ้นรถตู้ออกจากพื้นที่ไป

จากนั้นนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ เลขาธิการ ป.ป.ท. เดินทางเข้ามาร่วมตรวจค้นภายในบริษัทดังกล่าวด้วย โดยกล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ในฐานะศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งประกอบด้วยหลายหน่วยงาน โดยเบื้องต้นพบพิรุธ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด มีพิรุธส่อเข้าข่ายสมคบกันในการประมูลราคา ซึ่งเชื่อว่าผู้กระทำผิดไม่ได้มีแค่คนเดียว

การตรวจค้นวันนี้จะรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อหาจุดเชื่อมโยงไปถึงตัวผู้กระทำผิดคนอื่นๆ ถ้าถึงใครก็เตรียมรับผิดได้ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กระทำผิด วันนี้มีเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร มาตรวจสอบเรื่องการเสียภาษี รวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้เข้ามาตรวจสอบกรณีที่เกี่ยวข้องด้วย

จากการตรวจค้นในขณะนี้ มีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก และเห็นเค้าลางบางสิ่งที่สำคัญและเชื่อมโยงคนที่อยู่ในกระบวนการทั้งหมดได้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการฮั้วประมูล หรือมีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องนำหลักฐานเอกสารไปวิเคราะห์ ถึงจะสามารถลงรายละเอียดได้ ซึ่งการที่ลงพื้นที่ตรวจค้นทั้ง 4 จุดวันนี้ ยืนยันว่า ทุกจุดมีความเชื่อมโยงกันมาก แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่ามีเครือญาติของกำนันนกซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัท เดินออกมาขึ้นรถตู้ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น จะถือว่าไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ นายภูมิวิศาล กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่หากพบว่ากระทำผิด ก็ไม่สามารถหนีไปไหนรอด

ขณะที่บริเวณแพล้นปูน บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบรถสีขาว และรถกระบะสีบรอนซ์เทา มีลักษณะตรงกับรถของกำนันนกและนายหน่องมือปืนที่ยิงสารวัตรแบงค์เสียชีวิต หลบหนีในวันเกิดเหตุ มาจอดทิ้งเอาไว้ด้านในของบริษัทแห่งนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าใครเป็นคนนำรถมาจอด และมาจอดเมื่อไหร่ ซึ่งตอนนี้รอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง

นอกจากนี้ตำรวจยังเข้าค้นบริษัท ธงชัย เจริญก่อสร้าง 2566 ซี่งอยู่ในอำเภอเมือง เนื่องจาก มีข้อมูลว่า อาจเข้าข่ายร่วม ฮั้วประมูล กับบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ จำกัด ของกำนันนก หลัง บริษัท ธงชัย เจริญก่อสร้าง 2566 จำกัด ได้ร่วมแข่งขันประกวดราคาก่อสร้างถนน กับบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ จำกัด และพ่ายแพ้ ขณะที่ทีมงานฝ่ายกฎหมายของบริษัท ธงชัยเจริญก่อสร้าง 2566 จำกัด ยืนยัน เป็นเพียงบริษัทคู่แข่งกับบริษัทของกำนันนกเท่านั้น แต่ไม่รู้จักกันส่วนตัว

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท ธงชัยเจริญก่อสร้าง 2566 จำกัด เปิดเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/CmvLD1piBjo