นาง อัวร์ซูลา ฟอน แกร์ ไลเอิน (Ursula van der leyan) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า ถึงเวลาแล้ว ที่ประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรป ควรพิจารณาในการออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน

โดยระบุว่า วัคซีนจะเป็นอาวุธสำคัญในการต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งรวมถึง โอไมครอน เชื้อกลายพันธุ์ใหม่ ที่อนามัยโลกออกมาระบุว่า เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล

จากข้อมูลพบว่า 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรในสหภาพยุโรป ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งนี้ มีเพียงไม่กี่ประเทศในยุโรป ที่ได้ออกข้อบังคับฉีดวัคซีนอย่างเคร่งครัด เช่น ออสเตรีย มีคำสั่งให้ประชาชน ยกเว้นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ จะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิดทุกคน หากปฎิเสธจะต้องถูกปรับเงิน สูงสุด 7 พัน 200 ยูโร เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า

ขณะที่กรีซ ใช้มาตรการลักษณะเดียวกัน แต่กำหนดเฉพาะประชาชนที่อายุ 60 ปีขึ้น จะต้องฉีดวัคซีน ภายในวันที่ 16 มกราคม ปีหน้า หากเพิกเฉยจะถูกปรับเงิน 1 พัน ยูโร หรือ ราว 3 ,200 บาทต่อเดือน

ล่าสุด เยอรมนี เตรียมยื่นเสนอให้ประชาชนชาวเยอรมัน ต้องฉีดวัคซีนทุกคน คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคม ปีหน้า

ขณะที่สหรัฐฯ ด็อกเตอร์ แอนโธนี่ย์ เฟาซี่ ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกมาย้ำ ให้ชาวอเมริกันเข้ารับการฉีดวัคซีน รวมทั้งวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งจะช่วยรับมือกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ได้

การออกมาเรียกร้องของเฟาซี่มีขึ้น หลังจากสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เป็นผู้เดินทางจากแอฟริกาใต้ เดินทางมายังนครซานฟราซิสโก เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน จากนั้น 7 วันต่อมา ก็ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิดโอไมครอน ขณะนี้อาการป่วยไม่รุนแรง กักตัวภายในบ้าน รายงานระบุว่า ผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้ฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าครบโดสแล้ว แต่ยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น

ล่าสุด ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เตรียมเพิ่มมาตรการในการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยจะกำหนดให้ผู้โดยสารเครื่องบินทุกคน ที่มายังสหรัฐฯ ต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ 1 วัน ก่อนขึ้นเครื่อง จากเดิมที่กำหนดต้องยื่นผลตรวจเป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง

นอกจากนี้จะออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้นกับ 4 สนามบินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้แก่ นิวยอร์ก , นิว เจอร์ซี่ , แอตแลนต้า และ ซาน ฟรานซิสโก

ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม นายสตีเฟน โฮก ประธานบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยว่าจะมีวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มกระตุ้นสำหรับต้านเชื้อโอไมครอนโดยเฉพาะที่ผ่านการทดสอบและพร้อมยื่นขออนุมัติใช้กับองค์การอาหารและยา (เอฟดีเอ) หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐเร็วที่สุดในเดือนมีนาคมปีหน้า

โดยนายโฮกเชื่อว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นซึ่งจะประกอบไปด้วย ยีนที่พุ่งเป้าไปยังตำแหน่งที่กลายพันธุ์ไปของไวรัสโอไมครอน เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการแก้ปัญหาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลง และโมเดอร์นาได้เริ่มทำการวิจัยแล้ว

นอกจากนี้ทางบริษัทยังได้ทำการศึกษาวัคซีนที่ใช้ไวรัสหลายชนิดในการพัฒนาซึ่งรวมถึงเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์สูงสุด 4 สายพันธุ์ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์โอไมครอน แต่ใช้เวลาในการศึกษาอีกหลายเดือน

อย่างไรก็ตามนายโฮกกล่าวว่า “หากพูดตามความจริง วัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับต้านเชื้อโอไมครอนโดยเฉพาะจะไม่พร้อมก่อนเดือนมีนาคมและอาจใช้เวลาถึงช่วงไตรมาสที่ 2 เว้นเสียแต่ว่าเอฟดีเอจะเปลี่ยนเกณฑ์ด้านข้อมูลที่ต้องใช้สำหรับการอนุมัติ ทั้งนี้โมเดอร์นาสามารถผลิตวัคซีนไปด้วยขณะที่ทำการทดลองวัคซีนไปด้วย เพื่อให้ส่งมอบวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะที่ในประเทศไทย เมื่อวานนี้ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นนิดหนึ่ง เมื่อมีผู้ชายโวยวายว่าถูกชาวต่างชาติแซงคิว แต่สุดท้ายเรื่องก็ลงเอยด้วยดี ได้ฉีดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ส่วนรายงานสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศไทย ประจำวันที่ 3 ธันวาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,912 ราย เสียชีวิต 33 ราย และมีผู้หายป่วย 5,844 ราย ส่วน ATK อยู่ที่ 1,646 คน